หากคุณอยากฟิตแอนด์เฟิร์ม มีกล้ามหุ่นเป๊ะ ต้องทำยังไง ทางลัดสู่ความสำเร็จก็ทำแบบนั้นแหละครับ!?
หากคุณเป็นนักเพาะกายมืออาชีพ
เป็นโค้ชฟิตเนส คุณจะรู้สึกยังไงถ้ามีคนเดินมาบอกว่า
ฉันอยากเล่นวันนี้แล้วพรุ่งนี้มีกล้ามเลย ? มันไม่ต่างอะไรกับชุดความคิดที่ว่า
ฉันอยากทำธุรกิจวันนี้แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องประสบความสำเร็จหรือ รวยเลย รวยเร็วๆ
ความคิดนี้เป็นความคิดของคนที่ไม่เข้าใจโลก
ไม่เข้าใจธุรกิจ ไม่เข้าใจธรรมชาติ และมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยมาก
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะเล่นฟิตเนสวันนี้แล้วพรุ่งนี้คุณมีกล้ามหุ่นเฟิมหล่อขึ้นมาทันที
หรือคุณลงทุนวันนี้พรุ่งนี้จะรวยเลย
เล่นหวยคุณยังต้องเดินไปซื้อ
ต่อให้ซื้อวันหวยออกก็ต้องรอ 4 โมง ถึงจะรู้ว่าถูกหรือไม่ถูก แทงไฮโลคุณยังต้องรอฟังเสียงเต๋าแล้วค่อยแทง
ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเพาะกายหรือทำธุรกิจเขาเข้าใจ
ทางลัดความสำเร็จ 5 ข้อต่อไปนี้
1.
เขารักที่จะทำมัน
2.
เป้าหมายของเขาชัดเจนและมั่นคง ไม่เลิกกลางคัน
3.
เขามีวิธีเล่น
4.
เขามีโค้ช
5.
เขาทำมันอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย
ผมไม่ใช่หมอดูแต่ผมก็ทำนายได้เลยว่าคนที่ทำ
5 ข้อนี้ประจำ เขาต้องมีกล้ามและหุ่นฟิตในเวลาอันใกล้นี้แน่ๆ
และผมก็ทำนายได้เลยว่า
คนที่บอกว่า ฉันอยากเล่นวันนี้แล้วพรุ่งนี้มีกล้ามเลย ?
ไอ้นี่ไม่มีทางมีกล้ามได้อย่างแน่นอน
เห็นด้วยกับผมมั้ยครับ?
กฎความสำเร็จ
5 ข้อนี้ เอาไปปรับใช้กับการสร้างความสำเร็จในแบบของเราได้เลยครับ ผมจะอธิบายแนวคิดเป็นข้อๆ
ดังนี้
1.
ต้องรักในสิ่งที่ทำ จากที่ผมพบและเคยศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนล้วนสร้างรายได้จากสิ่งที่ตัวเองรักทั้งนั้น
เพราะอะไรเหรอครับ เพราะ Passive Income มันเป็นรายได้ระยะยาวที่เป็นตัวบ่งบอกความมั่นคงและมั่งคั่งของตัวคุณ
และนับวันจะยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับเจ้าของ
ฟังดูแล้วอยากได้รายได้แบบนี้กันใช่มั้ยครับ
แต่เดี๋ยวก่อน เพราะรายได้ระยะยาว
มันเกิดจากการสร้างมันในระยะเวลาที่ยาวพอกันโดยมีวินัยและทำมันอย่างชาญฉลาด
ดังนั้นหากคุณไม่รักหรือไม่ชอบในงานนั้น
เป็นไปได้สูงว่าคุณจะเลิกล้มมันกลางคันแน่นอน เพราะทางมันไกล ซึ่ง “หากเราไม่สนุกกับการเดินทางไปสู่เป้าหมาย
เป็นไปได้สูงว่าความฝันนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ”
2.
เป้าหมายที่วางไว้ต้องชัดเจน เพื่อเป็นตัวสร้างเหตุจูงใจในการทำ
การกำหนดเป้าหมายที่ดีควรกำหนดเป้าหมายเพื่อคนอื่น
เพราะหากกำหนดเพื่อตัวเอง พลังของเป้าหมายจะลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น “ฉันต้องมีเงินเก็บสิบล้านบาท
ภายใน 5 ปี ฉันจะได้ออกมาเป็นเจ้าของกิจการของตัวเองซะที” กับ “ฉันต้องมีเงินเก็บสิบล้านบาท
ภายใน 5 ปี และเป็นเจ้าของกิจการให้ได้เพราะวันนั้นฉันไม่อยากเห็นพ่อแม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไปแล้ว”
เลือกเอาครับว่าแบบไหนทรงพลังกว่ากัน?
3.
เขามีวิธีการทำ เป้าหมายหรือแนวคิดใดหากไร้ซึ่งวิธีการนำไปใช้ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จ
ซึ่งวิธีการมันเกิดจากการหาความรู้ ลองผิดลองถูก ในสิ่งที่ตัวเองรักที่จะทำ
มันไม่มีใครเริ่มทำธุรกิจแล้วก็รวยเลย ไม่เคยล้มเหลวหรอกครับ การที่จะรู้ว่าวิธีการใดถูก
คุณต้องรู้วิธีการทำที่ผิดให้มากพอ แค่นั้นเอง
แต่ถ้าไม่มีเวลาลองถูกลองผิดมากขนาดนั้น แนะนำให้ทำข้อ4
4.
หาโค้ชและเข้าไปเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ
เขาเหล่านั้นมีมุมมองและแนวคิดแตกต่างจากคนที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง
คุณจะได้เรียนรู้อะไรทักษะ และวิธีคิดของพวกเขา
วันนึงคุณจะได้สไตล์การคิดเป็นของตัวเอง
การอ่านเป็นวิธีที่ดี
ในการเรียนรู้ความคิดผู้อื่น ดังนั้นคนที่เปิดกว้าง และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
จะชอบอ่านหนังสือ ส่วนคน คับแคบ ถือทิฐิมานะ ว่าข้าเก่ง
ข้ารู้แล้ว(ส่วนใหญ่ล้มเหลว) จะไม่ชอบอ่าน ไม่ชอบรับความคิดของคนอื่น
เพราะมันขัดแย้งกับตัวเขาเองแล้วรับไม่ได้
5.
สุดท้ายคุณต้องมีวินัยในการทำธุรกิจหรือพัฒนาตัวเอง และคุณต้องทำมันอย่างสม่ำเสมอ
แม้ในช่วงแรกที่แทบจะไม่มีใครสนใจในสิ่งที่คุณทำเลย
หรือมันยังไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในแบบที่คุณต้องการเลย
ความรักในสิ่งที่ทำและความชอบในสิ่งที่ทำนั่นแหละจะช่วยคุณไม่ให้คุณเลิกล้มความตั้งใจไปกลางคัน
แล้ววันหนึ่งวินัยและความสม่ำเสมอนั้นจะให้ผลลัพธ์ในแบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
“ โฟกัสเหตุ ปล่อยวางผล
และมีความสุขในทุกขณะที่เดินทางไปสู่ฝัน ”
แล้วโอกาสจะเป็นฝ่ายวิ่งตามคุณ
จริงๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ แต่ไม่ทำ เหมือน อยากผอม แต่ไปวิ่ง 2 วันแล้วกะผอมนั่นแหละ อยากแข็งแรง แต่ไม่ดูแลตัวเอง ไม่งั้นจะมี หวย ขึ้นมาทำไม
ตอบลบประเด็นน่าจะอยู่ที่ เราไม่ได้อยากผอมหรือมีกล้ามจริงมากกว่า ทำให้เรา "ไม่ยืนหยัด" ให้นานพอ ที่จะทำขั้นตอน 5 อย่างที่กล่าวมาได้
เรา "อยาก" จริงหรือเปล่า
ถ้าอยาก วิธีการมีร้อยแปด
ถ้าไม่อยาก ล้านวิธี ก้ไม่ลงมือทำ !!!
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆครับ
ตอบลบผมเลยให้ไว้เปนข้อแรกเลยว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะความสำเร็จมันไม่เหมือนกับเราเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปากซอย มันเปนหนทางที่ยาวไกลและมาพร้อมอุปสรรคความล้มเหลว การรักในสิ่งที่ทำจะเปนแรงผลักดันให้คุณไม่เลิกล้มมันกลางทาง เวลาเจอปัญหาหรือผลลัพธ์ยังไม่ปรากฎ ถ้าทำในสิ่งที่ตนไม่รักแล้วนั้น ทายได้เลยว่าเจอปัญหานิดหน่อยคคนๆนันก็เลิกล้มและหยุดทำมันเพราะสิ่งนั้นอาจไม่ใช่ตวามฝันที่คนๆนั้นต้องการ เรียกง่ายๆมาผิดทางก็เป็นได้