12/13/2557

ความสำเร็จสร้างง่ายๆ เหมือนเพาะกายนั่นแหละ!?



หากคุณอยากฟิตแอนด์เฟิร์ม มีกล้ามหุ่นเป๊ะ ต้องทำยังไง ทางลัดสู่ความสำเร็จก็ทำแบบนั้นแหละครับ!?


หากคุณเป็นนักเพาะกายมืออาชีพ เป็นโค้ชฟิตเนส คุณจะรู้สึกยังไงถ้ามีคนเดินมาบอกว่า ฉันอยากเล่นวันนี้แล้วพรุ่งนี้มีกล้ามเลย ? มันไม่ต่างอะไรกับชุดความคิดที่ว่า ฉันอยากทำธุรกิจวันนี้แล้วพรุ่งนี้ฉันต้องประสบความสำเร็จหรือ รวยเลย รวยเร็วๆ

ความคิดนี้เป็นความคิดของคนที่ไม่เข้าใจโลก ไม่เข้าใจธุรกิจ ไม่เข้าใจธรรมชาติ และมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยมาก

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะเล่นฟิตเนสวันนี้แล้วพรุ่งนี้คุณมีกล้ามหุ่นเฟิมหล่อขึ้นมาทันที หรือคุณลงทุนวันนี้พรุ่งนี้จะรวยเลย
เล่นหวยคุณยังต้องเดินไปซื้อ ต่อให้ซื้อวันหวยออกก็ต้องรอ 4 โมง ถึงจะรู้ว่าถูกหรือไม่ถูก แทงไฮโลคุณยังต้องรอฟังเสียงเต๋าแล้วค่อยแทง

ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเพาะกายหรือทำธุรกิจเขาเข้าใจ ทางลัดความสำเร็จ 5 ข้อต่อไปนี้
1. เขารักที่จะทำมัน
2. เป้าหมายของเขาชัดเจนและมั่นคง ไม่เลิกกลางคัน
3. เขามีวิธีเล่น
4. เขามีโค้ช
5. เขาทำมันอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย

ผมไม่ใช่หมอดูแต่ผมก็ทำนายได้เลยว่าคนที่ทำ 5 ข้อนี้ประจำ เขาต้องมีกล้ามและหุ่นฟิตในเวลาอันใกล้นี้แน่ๆ
และผมก็ทำนายได้เลยว่า คนที่บอกว่า ฉันอยากเล่นวันนี้แล้วพรุ่งนี้มีกล้ามเลย ? ไอ้นี่ไม่มีทางมีกล้ามได้อย่างแน่นอน
เห็นด้วยกับผมมั้ยครับ?

กฎความสำเร็จ 5 ข้อนี้ เอาไปปรับใช้กับการสร้างความสำเร็จในแบบของเราได้เลยครับ ผมจะอธิบายแนวคิดเป็นข้อๆ ดังนี้
1. ต้องรักในสิ่งที่ทำ จากที่ผมพบและเคยศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จ  ทุกคนล้วนสร้างรายได้จากสิ่งที่ตัวเองรักทั้งนั้น เพราะอะไรเหรอครับ เพราะ Passive Income มันเป็นรายได้ระยะยาวที่เป็นตัวบ่งบอกความมั่นคงและมั่งคั่งของตัวคุณ และนับวันจะยิ่งเพิ่มมูลค่าให้กับเจ้าของ ฟังดูแล้วอยากได้รายได้แบบนี้กันใช่มั้ยครับ  แต่เดี๋ยวก่อน  เพราะรายได้ระยะยาว มันเกิดจากการสร้างมันในระยะเวลาที่ยาวพอกันโดยมีวินัยและทำมันอย่างชาญฉลาด ดังนั้นหากคุณไม่รักหรือไม่ชอบในงานนั้น เป็นไปได้สูงว่าคุณจะเลิกล้มมันกลางคันแน่นอน เพราะทางมันไกล ซึ่ง “หากเราไม่สนุกกับการเดินทางไปสู่เป้าหมาย เป็นไปได้สูงว่าความฝันนั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ”
2. เป้าหมายที่วางไว้ต้องชัดเจน เพื่อเป็นตัวสร้างเหตุจูงใจในการทำ  การกำหนดเป้าหมายที่ดีควรกำหนดเป้าหมายเพื่อคนอื่น เพราะหากกำหนดเพื่อตัวเอง พลังของเป้าหมายจะลดลงครึ่งหนึ่ง เช่น “ฉันต้องมีเงินเก็บสิบล้านบาท ภายใน 5 ปี ฉันจะได้ออกมาเป็นเจ้าของกิจการของตัวเองซะที”  กับ  “ฉันต้องมีเงินเก็บสิบล้านบาท ภายใน 5 ปี และเป็นเจ้าของกิจการให้ได้เพราะวันนั้นฉันไม่อยากเห็นพ่อแม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไปแล้ว” เลือกเอาครับว่าแบบไหนทรงพลังกว่ากัน?
3. เขามีวิธีการทำ เป้าหมายหรือแนวคิดใดหากไร้ซึ่งวิธีการนำไปใช้ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จ ซึ่งวิธีการมันเกิดจากการหาความรู้ ลองผิดลองถูก ในสิ่งที่ตัวเองรักที่จะทำ มันไม่มีใครเริ่มทำธุรกิจแล้วก็รวยเลย ไม่เคยล้มเหลวหรอกครับ การที่จะรู้ว่าวิธีการใดถูก คุณต้องรู้วิธีการทำที่ผิดให้มากพอ แค่นั้นเอง แต่ถ้าไม่มีเวลาลองถูกลองผิดมากขนาดนั้น แนะนำให้ทำข้อ4
4. หาโค้ชและเข้าไปเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ เขาเหล่านั้นมีมุมมองและแนวคิดแตกต่างจากคนที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างสิ้นเชิง คุณจะได้เรียนรู้อะไรทักษะ และวิธีคิดของพวกเขา วันนึงคุณจะได้สไตล์การคิดเป็นของตัวเอง
การอ่านเป็นวิธีที่ดี ในการเรียนรู้ความคิดผู้อื่น ดังนั้นคนที่เปิดกว้าง และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จะชอบอ่านหนังสือ ส่วนคน คับแคบ ถือทิฐิมานะ ว่าข้าเก่ง ข้ารู้แล้ว(ส่วนใหญ่ล้มเหลว) จะไม่ชอบอ่าน ไม่ชอบรับความคิดของคนอื่น เพราะมันขัดแย้งกับตัวเขาเองแล้วรับไม่ได้

5. สุดท้ายคุณต้องมีวินัยในการทำธุรกิจหรือพัฒนาตัวเอง และคุณต้องทำมันอย่างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงแรกที่แทบจะไม่มีใครสนใจในสิ่งที่คุณทำเลย หรือมันยังไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ในแบบที่คุณต้องการเลย ความรักในสิ่งที่ทำและความชอบในสิ่งที่ทำนั่นแหละจะช่วยคุณไม่ให้คุณเลิกล้มความตั้งใจไปกลางคัน แล้ววันหนึ่งวินัยและความสม่ำเสมอนั้นจะให้ผลลัพธ์ในแบบที่คุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

“ โฟกัสเหตุ ปล่อยวางผล และมีความสุขในทุกขณะที่เดินทางไปสู่ฝัน ”
แล้วโอกาสจะเป็นฝ่ายวิ่งตามคุณ

2 ความคิดเห็น:

  1. จริงๆ เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ แต่ไม่ทำ เหมือน อยากผอม แต่ไปวิ่ง 2 วันแล้วกะผอมนั่นแหละ อยากแข็งแรง แต่ไม่ดูแลตัวเอง ไม่งั้นจะมี หวย ขึ้นมาทำไม

    ประเด็นน่าจะอยู่ที่ เราไม่ได้อยากผอมหรือมีกล้ามจริงมากกว่า ทำให้เรา "ไม่ยืนหยัด" ให้นานพอ ที่จะทำขั้นตอน 5 อย่างที่กล่าวมาได้

    เรา "อยาก" จริงหรือเปล่า
    ถ้าอยาก วิธีการมีร้อยแปด
    ถ้าไม่อยาก ล้านวิธี ก้ไม่ลงมือทำ !!!

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นดีๆครับ

    ผมเลยให้ไว้เปนข้อแรกเลยว่าสิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองรัก เพราะความสำเร็จมันไม่เหมือนกับเราเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวปากซอย มันเปนหนทางที่ยาวไกลและมาพร้อมอุปสรรคความล้มเหลว การรักในสิ่งที่ทำจะเปนแรงผลักดันให้คุณไม่เลิกล้มมันกลางทาง เวลาเจอปัญหาหรือผลลัพธ์ยังไม่ปรากฎ ถ้าทำในสิ่งที่ตนไม่รักแล้วนั้น ทายได้เลยว่าเจอปัญหานิดหน่อยคคนๆนันก็เลิกล้มและหยุดทำมันเพราะสิ่งนั้นอาจไม่ใช่ตวามฝันที่คนๆนั้นต้องการ เรียกง่ายๆมาผิดทางก็เป็นได้

    ตอบลบ