12/15/2557

ความคิด...เปลี่ยนโลก


T. Harv Eker ผู้เขียนหนังสือ ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน กล่าวอุปมาถึงความคิด ได้น่าสนใจประมาณว่า (จำไม่ค่อยได้นะครับ แต่ความหมายทำนองนี้) หากคุณเลือกปลูกต้นแอปเปิ้ล เป็นไปไม่ได้ที่ต้นแอปเปิ้ลจะออกผลมาเป็นมะม่วง ถ้าหากคุณอยากได้ผลมะม่วงคุณต้องเปลี่ยนตั้งแต่ "ราก" เฉกเช่นเดียวกับ "ความคิด" 


หากวันนี้เรายังไม่ประสบความสำเร็จ เป็นไปได้ว่า "ราก" หรือ "ความคิด" ของคุณอาจเป็นชุดที่ออกผลผลิตของความล้มเหลว มากกว่าความสำเร็จก็เป็นได้...

ทำไมความคิดถึงกำหนดชีวิตของคนได้?

You are What you Thinks "คุณคิดยังไงก็เป็นคนแบบนั้น"คำๆนี้เป็นที่คุ้นหูมานาน แต่หากศึกษาเรื่อง Mindset อย่างลึกซึ้ง จะทำให้รู้ได้เลยว่าคำๆนี้ "โคตรจริง" 

ความคิดกำหนดเรื่องราวทุกอย่าง สรรพสิ่งบนโลกล้วนหมุนไปตามความคิด จนเกิดเป็นอีกทฤษฎีหนึ่ง ที่ชื่อว่า "คุณมองโลกนี้แบบไหนคุณก็เป็นคนแบบนั้น" ความคิดก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึก อารมณ์ความรู้สึกก่อให้เกิดพฤติกรรม เมื่อเกิดความคิดอะไรก็ตามเราคุณเคยรู้สึกบ้างไหมว่าโลกเราทำไมเป็นแบบนั้นเหมือนกัน เช่นถ้าคณคิดว่าคุณถูกเอาเปรียบเสมอ คุณจะพบว่าทุกๆคนต้องการผลประโยชน์จากตัวคุณ และเข้ามาในชีวิตคุณเพราะผลประโยชน์เท่านั้น จริงๆมันไม่ได้ผิดที่โลกหรือคุณอื่นหรอกครับ แต่เพราะ mindset(ชุดความคิด) ที่คุณสร้างขึ้นมันดึงโฟกัสของคุณให้มองทุกอย่างบนโลกนี้เอาเปรียบนั่นเอง ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว การที่คุณมองโลกเอาเปรียบ ลึกๆคุณอาจมี character เอาเปรียบคนอื่นเช่นกัน นั่นคือ "คุณมองโลกนี้แบบไหนคุณก็เป็นคนแบบนั้น"

ลำดับความคิดจนก่อให้เกิดฤติกรรม เขียนเป็นลำดับได้ดังนี้



ยกตัวอย่างเพื่ออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ
คนๆหนึ่งอยู่กับความผิดหวังมาทั้งชีวิตและคิดแต่ว่าทำไมชีวิตฉันถึงเป็นแบบนี้ โดยชุดความของเขาคือคิดทบทวนหาสิ่งที่พอจะโยนความผิดให้กับมันได้ยกเว้นแต่ตัวเอง...คนนี้เอาเปรียบ, คนนั้นได้ดีเพราะบ้านรวยกว่าเรา, คนนั้นคอยชะเลียเจ้านายจึงได้ดี, งานนี้ไม่เหมาะกับฉันหรอก, ฉันไม่อยากจะทดลองทำงานอะไรใหม่ๆเพราะเดี๋ยวฉันทำเป็นฉันต้องทำงานหนักกว่าเดิม, ความคิดเหล่านี้เรียกว่า Thought

เมื่อได้ Thought ความคิดนั้นจะส่งต่ออย่างรวดเร็วทำให้เกิดกระบวนการต่อไป นั่นคือ

ความรู้สึก (Feeling) หากความคิดติดลบมาก จะก่อให้เกิดความรู้สึกต่อเรื่องที่คิด ในรูปแบบของความทุกข์ บีบคั้น ตรงกันข้ามคนที่มี ทัศนคติหรือความคิดต่อเรื่องราวที่พบเป็น Thought ทางบวก Feeling ก็จะเป็น บวกเช่นเดียวกัน 

Feeling นี้จะส่งผลกระทบให้เกิดการโฟกัสไปยังจุดที่ตนเองรู้สึก เช่นคิดลบ โฟกัสไปที่ลบๆ , คิดบวก โฟกัสไปที่บวกๆ เลยเป็นสาเหตุให้เมื่อเรารู้สึกลบจะเจอแต่คนลบๆ เรื่องลบๆ  

เมื่อเกิด Feeling สิ่งต่อมา คือความรู้สึกจะส่งต่อให้เกิด Action หรือ พฤติกรรม นั่นเอง 
พฤติกรรมแย่ๆ เช่นพูดจาเสียดสี ดูถูกผู้อื่น หรือแม้แต่คอยบล๊อคความคิดผู้อื่น พฤติกรรมเหล่านี้ ล้วนสะท้อนออกมาจากจิตใต้สำนึก ของเจ้าของล้วนๆ

ยกตัวอย่างได้ยินเสียงหมาเห่า(แหม่..ยกตัวอย่างได้ดีจัง...เอาเสียงหมาเนี่ยแหละชัดครับฮ่าๆ) คนนึงมีความคิดว่าหมามันก็เห่าเป็นธรรมดา เสียงหมานี้จะไม่อยู่ในความสนใจของเขาอีกต่อไป แต่ถ้าอีกคนเกิดความคิดที่ไม่ดีต่อเสียงหมาหรือกำลังมีภาวะลบอยู่ในความคิด จากจิตใต้สำนึกจะยิ่งโฟกัสเสียงหมาเห่าจะชัดและดังขึ้นเรื่อยๆในความรู้สึกของเขา จนเขาเริ่มรู้สึกรำคาญ ความคิดและความรู้สึกนั้นจะเร่งหาเหตุผล พิพากษา หมาและผู้เกี่ยวข้องกับหมาตัวนั้นทันที (ยิ่งองค์ความรู้เยอะ วลีเยอะ การศึกษาเยอะ ยิ่งหาเหตุผลได้มากแต่เอามาใช้ในทางที่ผิด) เกิดพฤติกรรมขึ้นแก่เจ้าของความคิด เช่น วิ่งไปเตะหมาหรือไม่ก็เดินหนีและบ่นเป็นหมีกินผึ้ง, เดินไปด่าเจ้าของหมา เป็นต้น

ดังนั้นหากเราพิจารณาถึงต้นขั้วทุกอย่างแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราล้วนมาจากความคิดชุดดั้งเดิมของเราทั้งสิ้น ซึ่งไม่ได้หมายถึงเราต้องโละความคิดของตัวเราทั้งหมดนะครับ (ไม่ใช่หุ่นยนต์นะ) แต่เลือกหมวดความคิดที่ต้องการจะเปลี่ยนด้านจากคนปกติเป็นประสบความสำเร็จ จากด้านชั่วเป็นด้านดี เท่านั้นเอง

T. Harv Eker ให้ทางออกเรื่องความคิดไว้ว่า หากคุณต้องการเปลี่ยนความแย่ๆของคุณ คุณต้องใส่ความคิดชุดใหม่ให้แทนที่ความคิดชุดเดิมลงไป นั่นเอง 

ซึ่งการหาความคิดชุดใหม่ของตัวผมเองได้จากการ เรียนรู้ความคิดด้านบวกของคนอื่น ด้วยการฟัง อ่าน พูดคุย และคิดตาม หรือไม่ก็เกิดจากใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนา(ซึ่งใช้ได้ผลดีจริงๆครับ) เช่นเข้าใจธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งว่ามันมีความแปรปรวนไม่เที่ยง รู้จักปล่อยว่าง ไม่เอาความคิดไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ไม่คาดหวังว่ามันต้องเป็นอย่างใจเราคิดเสมอ 

เช่นเดียวกันหากเราต้องการประสบความสำเร็จ ทางลัดคือ เรียนรู้ความคิดและความผิดพลาดจากประสบการณ์ของคนที่สำเร็จ, จัดการความคิดเชิงลบของตนเอง, จากนั้นความคิดชุดใหม่จะทำหน้าที่หล่อหลอมความคิดที่เป็นสไตล์ของเราเอง โดยเรียนรู้มันทุกวันสม่ำเสมอ มีสติใช้ความคิดดีแทนที่ความคิดแย่ๆ บ่อยๆ ตอนแรกอาจจะยาก แต่ทำไปเรื่อยๆ ความคิดแย่ๆนั้นจะเริ่มเบาบางลงและไม่แสดงตัวออกมาเวลาเจอเหตุการณ์ และนั่นคือบันใดก้าวแรกของเราทุกคนครับ 

ทิ้งท้ายไว้สักนิด...ในโลกนี้ไม่มีเรื่องฟลุ๊ก ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงและเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เป็นเหตุและผลต่อกัน เสมอ หากเราเลือกที่จะประสบความสำเร็จ เราก็จะได้รับความสำเร็จตามความสามารถและทักษะของแต่ละบุคคล (ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องรวยเหมือนบิลเกตต์นะครับ เด๋วทุกคนมาบอกว่าฉันคิดดีแล้วนะทำไมยังไม่ได้เป็นผู้จัดการ) หากอยากเพิ่มเพดานความสำเร็จ สิ่งต่อมาที่คุณต้องทำก็คือฝึก Passive Skill และพัฒนาตนเอง ให้เกิดความชำนาญ ซึงความชำนาญและความสามารถนั้นจะยอดเยี่ยมหากได้ทำในสิ่งที่ตัวคุณเองรักและชอบมันจริงๆ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น