คนส่วนใหญ่มีความคิดที่ว่า "รอให้พร้อมกว่านี้ค่อยลงมือทำ" "ถ้ายาก=ไม่ทำ" "ถ้ามองไม่เห็นช่องทางรวยลัด=ไม่ทำ" "มีความเสี่ยง=ไม่ทำ" ความคิดเหล่านี้เป็นความคิดของคนทั่วไปที่มีกรอบและพื้นที่ปลอดภัยชัดเจน เป็นพื้นที่ๆเราเข้าใจและอยู่กับมันมาเกือบทั้งชีวิต ในเมื่อมันไม่ใช่งานยาก ไม่เสี่ยง มั่นคงด้วยเงินประจำตอนสิ้นเดือน และก็หมดเร็วตั้งแต่ยังไม่กลางเดือน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะติดกรอบความคิดนี้ทันที เพราะไม่มีประโยชน์ที่ต้องพัฒนาตัวเอง จะพัฒนาตัวเองทำไมเมื่องานยากขึ้นฉันไม่อยากทำ พร้อมพกเครื่องอำนวยความสะดวกที่ชื่อว่า "ข้ออ้าง" ในกระเป๋าตลอดเวลา มันก็ไม่ได้ผิดที่คนส่วนใหญ่เลือกชีวิตแบบนั้น เพราะผลที่ได้กลับคืนมามันก็มีค่าพอๆกับสิ่งที่เขาเป็นแหละครับ..และก็บ่นๆว่าทำไมยังไม่รวยซักที แล้วก็หาข้ออ้างว่าที่คนนั้นทำได้เพราะเขาพร้อมกว่าเรา เขารวยกว่าเราถึงทำได้ นั่นมันเป็นความคิดที่แย่มาก
ตอนนี้ผมยังไม่อยากพังทลาย Comfort Zone ของหลายๆคนนะครับ (หรือผมได้พังไปแล้ว)
คุณเชื่อไหมครับว่าคนสำเร็จระดับโลกเขาไม่เคยพร้อม และไม่เคยรอให้พร้อม ในวันที่เขาเริ่มธุรกิจหรือสิ่งประดิษฐ์ของตัวเอง เลยสักคนเดียว
ทอมัส แอลวา เอดิสัน ไม่เคยพร้อมที่จะผลิตหลอดไฟ เขาทำพลาดถึง 2,000 ครั้ง ถ้าเขาพร้อมเขาต้องทำสำเร็จตั้งแต่หลอดแรก
ไทเกอร์วู้ดไม่เคยพร้อมที่จะเป็นอันดับ 1 ของโลก เขาแค่เล่นมันเพราะชอบเท่านั้น เมื่อลองเล่นครั้งแรกเขาไม่เล่นกีฬาอื่นอีกเลยนอกจากกอล์ฟ จนเขาได้เป็นมือ 1 ของโลก
เห็นมั้ยครับไม่เคยมีใครพร้อมทั้งนั้น...
ผมเชื่อชีวิตคือการลองผิดลองถูก ลองหาสิ่งใหม่ๆ ความสำเร็จใหม่ๆ แฟนใหม่ๆ (มุกครับ...ไม่ใช่!) เพราะไม่มีใครไม่เคยทำผิด ไม่มีใครถูกตลอดเวลา บางครั้งคุณต้องทิ้งตรรกะบ้าๆบอๆที่พอโตแล้วมีคำพูดเชิงวิชาการณ์ที่ทำหน้าที่เป็นกำแพงกันคุณออกจากความสำเร็จบ้าง ลองนึกถึงตอนเด็กๆสิครับ คุณลองนึกถึงวันที่คุณหัดว่ายน้ำครั้งแรก หรือหัดขี่จักรยานครั้งแรก คุณจะพบว่าคุณเต็มไปด้วยความกลัว คุณไม่รู้จะเริ่มยังไง ล้มกี่ครั้ง สำลักน้ำมาก็มาก ได้แผลมากี่แผล?
แล้วอะไรในตอนนั้นทำให้เราถึงยังหัดทำมันต่อ ทั้งๆที่มันเจ็บ แม้จะล้มไม่รู้กี่ครั้ง ?......คิดดีๆมีสิ่งอะไรที่มันคอยผลักดันเราให้ลุกขึ้นอีก....ให้เวลาคิด2นาที
ใช่ครับเพราะเมื่อคุณล้มครั้งแรก คุณจะรู้จักกับความเจ็บปวด ครั้งที่สองคุณจะเริ่มรู้ว่าทำไมคุณล้ม ครั้งที่สามคุณจะเริ่มจับจังหวะอะไรบางอย่างได้แต่ยังไม่แน่ใจ ครั้งที่สี่เริ่มสนุกกับความเจ็บปวด ครั้งที่ ห้า หก เจ็ด แปด ไม่ว่าคุณจะพยายามกี่ครั้งถึงสำเร็จมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือการล้มครั้งสุดท้ายต่างหากที่คุณได้เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ทุกอย่างทุกอณูวิญญาณ ทั้งการซึมซับจังหวะ การทรงตัว ประคองตัว การเร่ง การผ่อน คุณรู้หมดในการล้มครั้งสุดท้าย ก่อนที่คุณจะขี่มันสำเร็จโดยยากที่คุณจะล้มอีกเลย
สิ่งนี้แหละครับที่ผมอยากจะบอกคุณ มันไม่มีความสำเร็จใดได้จากการยืนดูคนอื่นทำ หรือฟังคนสำเร็จมาเล่าให้ฟัง โดยที่เราไม่เคยแม้แต่จะเจ็บตัว ไม่แม้แต่จะเริ่มทำ ความสำเร็จของคนเหล่านั้นคือของจริงแท้ 100% แต่ติดที่ว่ามันเป็น "ความสำเร็จของเขา" เราเอาแนวคิดและวิธีการของเขามาปรับใช้ได้ จะศึกษาอย่างละเอียดอ่อนลึกซึ้งแค่ไหน แต่ถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำความสำเร็จนั้น มันก็ยัง "ไม่ใช่ความสำเร็จของเรา" อยู่ดี
ขอให้ทุกคนพัฒนาตัวเองควบคู่ไปกับการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน ศึกษาแนวคิดและวิธีการจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ โฟกัสให้ตรงจุด แล้วเริ่มลงมือทำ
ผมจะอยู่ข้างคุณเสมอ ขอให้คุณโชคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น